วันนี้ นพ.พาทิศ หาญไชยพิบูลย์กุล แพทย์อายุรกรรมระบบประสาท ได้ออกมายืนยันแล้วว่า... ฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าไปทำลายระบบสมองและระบบประสาทได้ โดยมีการซึมเข้าสู่กระแสเลือด และซึมเข้าสู่เส้นประสาทที่รับกลิ่นทางโพรงจมูกทำให้สามารถแพร่เข้าไปทางสมองของเราได้โดยตรง
นอกจากนี้ แพทย์ยังกล่าวว่า ในกลุ่มคนที่เป็นโรคไมเกรน เมื่อได้รับฝุ่น PM 2.5 เข้าไป สมองจะมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าคนปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงขึ้นมาได้อีกด้วย สถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 ในช่วงนี้จะมีปัญหาค่อนข้างมาก จากที่เราเห็นกันในข่าวและในสื่อ Social ว่าประเทศไทยเรามีฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะ
โดยฝุ่น PM 2.5 สามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถที่จะซึมเข้าสู่ตัวเส้นประสาทที่รับกลิ่นทางโพรงจมูกได้เมื่อฝุ่นเข้าไปในเส้นประสาทที่รับกลิ่น ทำให้สามารถแพร่เข้าไปในสมองได้โดยตรง จึงทำให้เกิดโรคทางสมอง เมือฝุ่นซึมเข้าสู่ทางสมอง จะทำให้สมองมีการอักเสบเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีการอักเสบจะส่งผลให้เซลล์สมองเกิดการบาดเจ็บ และสร้างสารสื่อประสาทหรือว่าโปรตีนที่ผิดปกติมาคั่งค้างในเซลล์สมองได้ ซึ่งโปรตีนเหล่านี้ก่อให้เกิดโรคทางสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน เป็นต้น
โดยมีงานวิจัยกล่าวว่า เมื่อได้ฝุ่น PM 2.5 ไปเป็นระยะเวลานาน จะเพิ่มโอกาสการเป็นโรคอัลไซเมอร์ประมาณ 3 เท่า และเพิ่มโอกาสการเป็นโรคพาร์กินสันประมาณ 34 % นอกจากนี้ก็ยังมีงานวิจัยอีกว่า หากฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณเพิ่มขึ้น 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะเพิ่มโอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ได้ประมาณ 13 % และสำหรับคนที่เป็นโรคปวดศีรษะ ไมเกรน การที่สัมผัสฝุ่น PM 2.5 จะเพิ่มโอกาสที่จะทำให้มีอาการปวดศีรษะไมเกรนกำเริบได้เพิ่มขึ้น ประมาณ 10-13 % โดยที่บางคนปวดศีรษะมากจนอาจจะต้องมาตรวจในห้องฉุกเฉิน และอาจจะต้องมีการฉีดยาแก้ปวดรักษาไมเกรนเพิ่มเติมด้วย
คำแนะนำในการป้องกันฝุ่น PM 2.5
ในช่วงที่ค่าฝุ่น PM 2.5 สูง แนะนำว่าควรมีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น สวมหน้ากากอนามัย หรือหากอาศัยอยู่ในบ้าน ควรที่จะติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ด้วย โรงพยาบาลรวมแพทย์ฉะเชิงเทราอยากให้ทุกคนเฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 เป็นอย่างมาก หรือหากพบว่ามีอาการผิดปกติแนะนำให้รีบมาพบแพทย์ทันทีนะคะ