คนส่วนมากอาจคิดว่าเส้นเลือดขอดไม่ได้มีความอันตราย เพียงแค่ทำให้ขาไม่เนียนสวยเพียงเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว หากเราปล่อยให้อาการเส้นเลือดขอดหนักไปเรื่อยๆ ก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่นำไปสู่ความอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียวค่ะ
ระยะที่ 1 : ขาจะมีเส้นเลือดขนาดเล็ก มีลักษณะคล้ายใยแมงมุม
ระยะที่ 2 : ตัวเส้นเลือดขอดเริ่มใหญ่มากขึ้น มีลักษณะปูดเป็นตัวหนอนอยู่บริเวณน่อง
ระยะที่ 3 : ขาข้างที่มีโรคเริ่มมีอาการขาบวมและปวดมากขึ้นถึงแม้จะใช้งานในระยะเวลาสั้นๆ หากเป็น 2 ข้าง ก็จะบวมทั้ง 2 ข้าง
ระยะที่ 4 : ขาบริเวณตาตุ่มด้านในสีผิวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำมากขึ้น ซึ่งเป็นภาวะอักเสบของผิวหนัง
ระยะที่ 5 : เคยมีแผลและแผลหายจากการรักษาแล้ว แต่ยังมีลักษณะอื่นๆ ร่วม เช่น ผิวหนังที่เปลี่ยนเป็นสีดำ
ระยะที่ 6 : มีแผลเหนือตาตุ่มขึ้นมาและยังไม่หาย เกิดแผลที่เป็นลักษณะเฉพาะของแผลบริเวณหลอดเลือดดำ เช่น ขอบแผลแดง
การเป็นเส้นเลือดขอดระยะที่ 1-3 แพทย์จะแนะนำให้ทานยา และใส่ถุงน่องทางการแพทย์ หากเป็นหนักถึงระยะที่ 4-6 แพทย์จะพิจารณาให้ผ่าตัด เพื่อทำให้หายเร็วขึ้น และลดการกลับมาเป็นแผลซ้ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเข้ามาพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอย่างละเอียดอีกทีนะคะ
สำหรับผู้ป่วยรายนี้ มาพบแพทย์ด้วยเรื่องของแผลภาวะเส้นเลือดขอด การรักษาจะต้องเริ่มตั้งแต่ให้คนไข้ทานยา ใส่ถุงน่องทางการแพทย์ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น พอมีแผลแล้ว ก็ต้องพิจารณาเรื่องของการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดที่แพทย์เลือกให้ คือการใช้สารยึดติดทางการแพทย์ โดยแพทย์จะทำการฉีดยาชาเข้าไป ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ แพทย์จะใส่เครื่องมือเข้าไปในหลอดเลือดและหยอดตัวสารนี้ตลอดแนวของเส้นเลือดดำ จะทำให้ผนังหลอดเลือดติดกัน หลังจากทำเสร็จคนไข้สามารถกลับบ้านได้โดยที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
การดูแลรักษาตนเองหลังจากการรักษา ไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยากเนื่องจากเป็น One Day Surgery แผลมีลักษณะเป็นรูเข็มขนาดเล็กมาก ไม่ต้องเปิดทำแผล มีเพียงการใส่ถุงน่องทางการแพทย์ตอนกลางวันตามปกติค่ะ การรักษาเส้นเลือดขอดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อย่าปล่อยให้เส้นเลือดขอดลุกลามเรื้อรัง จนเป็นอุปสรรคต่อชีวิตประจำวันเราเลยค่ะ รีบมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาเพื่อขาที่เนียนสวยนะคะ