อาการที่พบ
1. ปวดท้อง
- บริเวณลิ้นปี่
- รอบๆสะดือ
- ปวดท้องน้อยด้านขวา
2. คลื่นไส้อาเจียน
3. มีไข้
4. ท้องผูกหรือท้องเสีย
5. ถ้ากดบริเวณท้องน้อยด้านขวาจะเจ็บมาก
6. หากตรวจเลือดจะพบเม็ดเลือดขาวมากกว่าปกติ
สาเหตุของโรค
1. มีการอุดตันภายในโพรงไส้ติ่ง เช่น ก้อนอุจจาระแข็งๆ
2. ต่อมน้ำเหลืองโตจนไปกดโพรงไส้ติ่ง
3. เมล็ดผักหรือผลไม้หลุดเข้าไปในโพรงไส้ติ่ง
4. มีพยาธิตัวกลมเข้าไปอุดตัน
โรคแทรกซ้อนของไส้ติ่งอักเสบ
ที่สำคัญ คือ ไส้ติ่งแตก เนื่องจากการอักเสบลุกลามจนผนังไส้ติ่งเน่าเปื่อย
ซึ่งทำให้เชื้อโรคและอุจจาระกระจายไปทั่วช่องท้อง ไส้ติ่งอักเสบเป็นอาการปวด
ฉับพลันที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัด
1. พยายามเคลื่อนไหว หลังตื่นจากดมยาภายใน 24 ชม. เพื่อลด
อาการท้องอืด
2. รับประทานยา และอาหารตามคำแนะนำของแพทย์
3. สังเกตอาการแทรกซ้อนของแผลผ่าตัด เช่น บวม แดง ร้อน
ให้รีบพบแพทย์
ดังนั้นหากมีอาการปวดท้องเริ่มแรกโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่าเพิ่งทานยาแก้ปวด
ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยก่อน เพราะการกินยาแก้ปวดจะทำให้แพทย์
วินิจฉัยแยกโรคลำบาก